ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ อย่างไรให้ได้ผลผลิตที่ดี

 

 

   หญ้าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญและมีอยู่ทั่วไปสำหรับการเลี้ยงวัวสัตว์กินพืช เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์ที่ต้องอาศัยพืชตามธรรมชาติเป็นอาหาร และวิวัฒนาการมาเพื่อกินหญ้าและพืชอื่นๆ หลากหลายชนิด การให้หญ้าแก่วัวสามารถให้สารอาหารที่จำเป็นแก่พวกมัน เช่น โปรตีน ไฟเบอร์ และวิตามิน และมักถูกพิจารณาว่าเป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนกว่าเมื่อเทียบกับการให้อาหารพวกมันด้วยธัญพืชหรืออาหารเสริมอื่นๆ เนื่องจากหญ้าแต่ละชนิดนั้นให้โปรตีนและปริมาณผลผลิตที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น ดิน น้ำ อากาศ วันนี้ทีมงานอีสานเดลี่จึงอยากจะนำเสนอบทความที่เกี่ยวกับเลือก ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ ที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตที่ดี รวมไปถึงการเลือกพันธุ์หญ้าต่างๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่ต่างๆด้วย

“เลือก ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ อย่างไรให้ได้ผลดี ในพื้นที่ที่เรามีจำกัด”

การเลี้ยงสัตว์เป็นอีกหนึ่งอุสาหกรรมที่ทำให้เกษตรกรมีอาชีพและสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ ในสมัยก่อนการเลี้ยงสัตว์เป็นการเลี้ยงเพื่อใช้งานเกี่ยวกับการเกษตรและบริโภคในครัวเรือน แต่ปัจจุบันนี้การเลี้ยงสัตว์นั้นกลายเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้ของเกษตรกรหลายๆคน โดยการเลี้ยงสัตว์นั้นหากเกษตรกรสามารถประหยัดต้นทุนได้มากเท่าไหร่เราก็จะสามารถทำกำไรได้เท่านั้น การประหยัดต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์นั้นสามารถหาได้จากตามธรรมชาติที่หาได้ตามท้องถิ่นของเราหรือ พืชผลที่เหลือจากการเกษตร เช่น กากถั่วเหลือง กากมัน หรือแม้กระทั่งหญ้าที่เป็นศัตรูทางการเกษตรด้วย หญ้าเลี้ยงสัตว์นั้นก็มีมากมายหลายชนิดเช่นกันกัน วันนี้อีสานเดลี่จะนำสาระความรู้เกี่ยวกับการเลือก ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ ที่เหมาะสมกับดินในแต่ละท้องที่เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี และยังช่วยประหยัดต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย หญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรนิยมปลูกกันหลักๆแล้วมีประมาณ 5 ชนิดได้แก่

หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1

 

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์

เป็นหญ้าลูกผสมที่ผ่านการปรับปรุงสายพันธุ์ที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างหญ้าเนเปียร์ยักษ์และหญ้าไข่มุก  เป็นหญ้าอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพสูงทั้งในแง่การให้ผลผลิต เมื่อเทียบปริมาณต่อไร่ ให้ผลผลิตน้ำหนักสด 8 – 10 ตัน/ไร่/รอบการตัดทุก 60 วัน และมีคุณค่าทางอาหารสัตว์ดีตามที่สัตว์ต้องการ  เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้อง อาทิ โคทุกสายพันธุ์ แพะ แกะ  หญ้าเนเปียร์นอกให้ผลผลิตดีแล้วยังสามารถให้ผลผิตได้ต่อเนื่องหลายปี จึงไม่ต้องปลูกบ่อย ลำต้นมีลักษณะตรง สูง 2.5 – 3.5 เมตรขึ้นอยู่กับการดูแล  มีโปรตีนสูงถึง 13 – 17 %  มีลักษณะเด่น คือ  โตเร็ว ให้ผลผลิตต่อไร่สูง โปรตีนสูง สัตว์ชอบกิน ตอบสนองต่อการให้น้ำและปุ๋ยดี  แตกกอดี  ออกดอกช้า ทนแล้ง ในฤดูหนาวเติบโตได้ดีไม่ชะงัก  ไม่มีระยะพักตัวสามารถให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ใบและลำต้นไม่แข็งมาก มีขนที่บริเวณใบหรือลำต้นน้อยกว่าหญ้าเนเปียร์สายพันธุ์อื่น  มีปริมาณน้ำตาลในใบและลำต้นสูง ทำเป็นหญ้าหมักโดยไม่ต้องเติมสารเสริมใดๆ ปรับตัวได้ดีในดินหลายสภาพ ไม่มีโรคและแมลงรบกวน เก็บเกี่ยวง่าย ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้นาน 6 – 7 ปี  เหมาะกับเกษตรกรที่มีพื้นที่จำกัด  ชอบดินที่มีการระบายน้ำดี ขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์

การเตรียมดิน

โดยการไถกำจัดวัชพืช 2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 2,000 กก./ไร่  หรือใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กก./ไร่  รองพื้น จากนั้นไถกลบอีกครั้ง

การเตรียมท่อนพันธุ์และการปลูก ใช้ต้นพันธุ์อายุประมาณ 90 วัน นำต้นพันธุ์มาตัดเป็นท่อนๆ ให้มีข้อติดอยู่ไม่น้อยกว่า ท่อนละ 2 ข้อ   ระยะปลูกระหว่างแถว 1.20 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 1 เมตร ใช้ท่อนพันธุ์ประมาณ 200 – 250 กก./ไร่

การให้น้ำหญ้าเนเปียร์ ถ้าหากฝนทิ้งช่วงควรมีการให้น้ำ  หากเป็นแบบสปริงเกอร์ควรให้ทุก 3 – 5 วัน แต่ถ้าเป็นแบบสูบราดควรปล่อยน้ำเข้าแปลง ทุกๆ 7 – 10 วัน จะสามารถผลิตหญ้าสดได้ตลอดทั้งปี  การกำจัดวัชพืชหลังการปลูก 2 – 3 สัปดาห์ จากนั้นควรกำจัดวัชพืชหลังการตัดทุกครั้ง

การเก็บเกี่ยวและการใช้ประโยชน์  การเก็บต้องตัดให้ชิดดินที่สุด เพื่อให้แตกหน่อใหม่จากใต้ดิน จะตั้งตัวได้เร็วและมีขนาดโตอวบอ้วน  การตัดหญ้าทุกครั้งควรใส่ปุ๋ยคอกลงไปที่โคนกอแล้วรีบให้น้ำทันที ส่วนปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 ให้ใส่หลังแตกหน่อใหม่ ประมาณ 2 สัปดาห์ หยอดปุ๋ยลงไปที่โคนกอเพื่อหญ้าแตกกอมาก ขนาดลำต้นใหญ่อวบ ใบดกเขียวเข้มงาม ทำให้ผลผลิตสูง

หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1  สามารถเก็บเกี่ยวหญ้าครั้งแรกเมื่ออายุ 75 วัน จากนั้นตัดใช้ประโยชน์ได้ทุกๆ 45 – 60 วัน ช่วงฤดูฝนหญ้าโตเร็วอาจตัดอายุน้อยกว่า 30 วัน ตัดเกี่ยวหญ้าได้ 5 – 6 ครั้ง/ปี  ได้หญ้าสดประมาณ 8 – 10 ตัน/ไร่/ครั้ง ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงโค 5 – 6 ตัว  สามารถลดพื้นที่เลี้ยงสัตว์  เหมาะสำหรับผู้มีพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์น้อยแต่มีจำนวนสัตว์มาก

และสามารถนำไปผลิตเป็นพืชหมักได้ดี  เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตละลายได้สูง หากต้องการทำหญ้าหมักเก็บถนอมไว้เลี้ยงสัตว์ โดยตัดหญ้าอายุ 60 วัน หั่นเป็นชิ้น ขนาดชิ้นละ 1 – 3 ซม.  บรรจุลงภาชนะอัดให้แน่น ดูดอากาศออกปิดภาชนะให้สนิท เก็บในที่ร่มประมาณ 21 วันขึ้นไป  จึงทยอยนำมาใช้ยามขาดแคลน

หญ้าหวานอิสราเอล 

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์

หญ้าหวานอิสราเอลเป็นหญ้าที่ได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์อีกชนิดหนึ่ง เป็นหญ้าสายพันธุ์เนเปียร์อีกชนิดหนึ่งหรือเรียกกันว่าหญ้าเนเปียร์อิสราเอล เป็นหญ้าเนเปียร์พันธุ์ท้องถิ่นของประเทศอิสราเอลที่มีการปลูกอย่างแพร่หลาย มีการนำเข้ามาเพื่อเป็นอาหารสัตว์ทดแทนหญ้าเนเปียร์ชนิดอื่นๆ ซึ่ง เหมาะอย่างยิ่งที่จะปลูกไว้สำหรับการเลี้ยงสัตว์ โดยพบว่าหญ้าหวานอิสราเอลมีโปรตีนมากถึง 20% แล้วแต่ความสมบูรณ์ในแต่ละท้องที่ หรือขึ้นอยู่กับสภาพดินด้วย หากเทียบกับหญ้าเนเปียร์ชนิดอื่นๆที่มีโปรตีนเพียงแค่ 10กว่า % เท่านั้น

เป็นหญ้าที่ปลูกโตได้ที่แล้วสามารถนำมาเลี้ยงสัตว์กินได้เลยโดยไม่ต้องสับ มีรสหวาน กรอบ  ด้วยรสชาติหวาน จึงเรียกกันว่า “หญ้าหวาน” ลำต้นเป็นพุ่มและใบมีขนาดใหญ่ ให้ใบเยอะ ข้อดีของหญ้าหวานคือจะไม่ผลัดง่าย และมีคุณค่าทางโปรตีนสูง เติบโตได้รวดเร็วหลังจากตัดแล้วใสปุ๋ยรดน้ำประมาณ 30-45 วันก็สามารถตีดได้อีกรอบ ให้ผลผลิตต่อไร่สูง เก็บเกี่ยวตลอดทั้งปี และเก็บเกี่ยวได้ต่อเนื่องนานถึง 5-7 ปีในการปลูกแค่ 1 ครั้ง ดังนั้นหญ้าหวานจึงไม่ต้องลงทุนปลูกซ้ำๆในทุกๆปี เพราะเกษตรกรต้องการลดต้นทุนในการผลิต

ระยะห่างระหว่างต้นจะต้องมากกว่า 1 เมตรจึงจะสามารถแตกกอได้ดี ต้นเตี้ย อวบ ไม่แข็ง ลำต้นโตไม่มาก ใบใหญ่ รสชาติหวาน กรอบ การขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์ปักชำ หากมีการดูแลดินและน้ำดีเท่ากัน หญ้าหวานอิสราเอลจะให้ผลผลิตที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน รสหวานเป็นลักษณะเด่นที่สัตว์กินพืชส่วนใหญ่ต้องการ ประกอบกับสารอาหารที่อยู่มากมาย ไม่จำเป็นต้องหั่นหรือสับเป็นชิ้นเล็ก แต่สามารถให้สัตว์กินทั้งต้นได้เลย จึงเป็นการลดต้นทุนของเกษตรกรได้อีกทางหนึ่งด้วย

วิธีปลูกก็ง่าย ปลูกเหมือนกับการปลูกหญ้าเนเปียร์พันธุ์อื่นได้เลย เพื่อเร่งการเจริญเติบโตและให้ท่อนพันธุ์ติเร็วขึ้นสามารถใช้ท่อนพันธุ์นำมาแช่น้ำยาเร่งรากก่อนปลูก จะได้ผลดีและควรเตรียมดินให้พร้อมก่อนการเตรียมท่อนพันธุ์ น้ำและปุ๋ยจำเป็นมากในช่วงแรกการปลูก เพราะหญ้าหวานจะต้องการน้ำมากในการปลูกครั้งแรก ต้องรดน้ำให้ชุ่มก่อนการปลูกเพื่อเพิ่มอัตราการงอก

วิธีปลูกทำได้ด้วยโดยการนำท่อนพันธุ์มาปักชำไปเลยก็ได้หรือมาวางไว้ในหลุม โดยไม่ต้องขุดหลุมลึกมากจนเกินไป ใส่ท่อนพันธุ์ได้ประมาณ 3-5 ท่อน แล้วแต่ขนาดหลุม แต่ละกอควรให้ห่างกันประมาณ 1 เมตร แล้วกลบดินบางๆ อาจใช้หญ้าแห้งหรือฟางคลุมหน้าดินเพื่อป้องกันหน้าดินแห้ง ระหว่างนี้ให้รดน้ำ 1-2 วันต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับความชื้นของดิน โดยปกติจะชอบอากาศเย็น และความชื้นสูงจะงอกและเจริญเติบโตได้ดี

หญ้าจักรพรรดิ์นรก

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์

เป็นหญ้าที่ทนหนาว ทนแล้ง แต่ไม่ชอบที่ลุ่มน้ำหรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน หญ้าจักพรรดิ์ให้ผลผลิตต่อไร่สูง โปรตีนสูง สามารถเติบโตในทุกสภาพอากาศ นั่นหมายความว่าเมื่อถึงหน้าหนาวในบ้านเราหญ้าชนิดนี้จะไม่พักตัวและให้ผลผลิตเหมือนเดิมในทุกๆฤดู นั่นคือจุดมุ่งหมายสูงสุดในการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์แล้ว เพราะว่าหญ้าสดนั้นมีคุณค่าครอบถ้วนกว่าฟางแห้งแน่นอน แต่ที่มากกว่านั้นก็คือ หญ้าจักรพรรดิ์ สามารถให้โปรตีนได้สูงถึง18.46% เราสามารถลดต้นทุนอาหารข้นได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ในพื้นที่ 1 ไร่ ให้ผลผลิต 40-50 ตัน/ปีทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลอีกด้วย ลำต้นแก่ก็จะไม่แข็งเท่าหญ้าเนเปียร์ชนิดอื่น

ถ้าเอาไปเข้าเครื่องสับ ก็สับง่าย ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ใบจะมีความกว้างและดก จะไม่ทิ้งใบง่าย จึงจะได้เนื้อใบเยอะ โปรตีนก็สูงตามไปด้วย สามารถนำไปเลี้ยงสัตว์อื่นๆได้อีกหลายชนิดนอกจากวัว ทั้ง แพะ แกะ ม้า หรือแม้กระทั่ง ไก่งวง หนูตะเภา กระต่าย ส่วนเรื่องขนนั้นจะมีทั่วไปอยู่แล้วสำหรับหญ้าตระกูลเนเปียร์ และขอบใบก็ไม่คมด้วย

พื้นที่ปลูกที่เหมาะสม หญ้าจักรพรรดิ์เป็นหญ้าสกุลเนเปียร์ ที่ขึ้นได้ดีในดินหลายประเภท ยกเว้นพื้นที่น้ำท่วมขังเท่านั้น แนะนำให้ยกร่องเพื่อระบายน้ำก็จะสามารถปลูกได้ ต้องการแสงแดดมาก เพราะฉะนั้นการปลูกใต้ร่มเงาจะได้ผลผลิตน้อยลง

หากสามารถวางระบบให้น้ำได้ ก็จะได้ผลผลิตสูงต่อเนื่องตลอดทั้งปี อีกทั้งยังสามารถประหยัดน้ำได้อีกด้วย และสามารถใช้ปลูกร่วมกับการให้น้ำได้ทุกระบบ ทั้ง สปริงเกอร์น้ำเหวี่ยง น้ำหยด หรือ การปล่อยไหลไปตามร่องได้เลย แต่จะให้ผลดีที่สุดนั้นต้องเป็นระบบน้ำหยดจะสามารถควบคุมได้ทั้งการให้น้ำและปุ๋ยในเวลาเดียวซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถประหยัดเวลาได้อีกด้วย

ควรใส่ปุ๋ยขี้วัวรองพื้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในดินและทำให้ดินร่วนซุย สามารถอุ้มน้ำได้ดีก่อนการปลูก และปุ๋ยยูเรียพร้อมกับการกำจัดวัชพืชในครั้งแรก ใส่ทุกครั้งหลังตัดเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อเพิ่มแร่ธาตุอาหารให้หญ้าสามารถเจริญเติบโตและสามารถเก็บเกี่ยวได้ในอีก 30- 45 วัน จะทำให้หญ้าใบเขียวเข้มใบดกงาม หลังจากเก็บเกี่ยวไปแล้ว 2-3ครั้ง สามารถสลับมาให้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 บ้างเพิ่มสารอาหารชนิดอื่นให้แก่ต้นหญ้าบ้าง เพราะถ้าหากดินจืดจะทำให้พืชให้ผลผลิตต่ำลงเช่นกัน ผลผลิตจะมากน้อยขึ้นอยู่กับการให้ปุ๋ยนั่นเอง ดังนั้นหากปุ๋ยไม่เพียงพอหญ้าที่ได้ก็แทบจะไม่มีคุณค่าทางอาหารเหลือเลย

หญ้ากินนี่

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์

หญ้าชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดมาจากวีปแอฟริกาและพบแพร่กระจายทั่วไปในทุกประเทศของแอฟริกา ปลูกไว้สำหรับเป็นอาหารหยาบแก่สัตว์เลี้ยงต่างๆ กินนีสีม่วง เนื่องจาก มีโคนต้น หน่อ และช่อดอกเป็นสีม่วง

สามารถปลูกได้ในทุกภาคของประเทศไทย เป็นหญ้าที่มีอายุหลายปี สามารถแตกหน่อเป็นลำต้นใหม่คล้ายๆกับกอตะไคร้ ลำต้นโตจะเป็นกอตั้งตรง ผิวลำต้นเกลี้ยง ไม่มีขน ลำต้นมีความสูงประมาณ 1.8–2.4 เมตร โคนลำต้นมีสีม่วง ใบหญ้ากินนีสีม่วง ออกเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบสีเขียวเข้ม ใบมีขนาด 20–22 มิลลิเมตร ยาว 80–85 เซนติเมตร

ในช่วงเก็บเกี่ยว บริเวณผิวใบและกาบใบจะไม่มีขน ออกดอกเป็นช่อ สีเขียวอมสีม่วง เริ่มออกดอกเมื่ออายุ 90-110 วัน หรือมีความสูงของลำต้นโดยประมาณ 220 เซนติเมตร เริ่มออกดอกในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ช่อดอกใช้เวลาประมาณ 23 วัน ในการแตกช่อ

นอกจากการนำมาเป็นอาหารหยาบสำหรับสัตว์เลี้ยงแล้วยังมีประโยชน์ในด้านอื่นด้วย เช่นใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ใช้ปลูกเพื่อคลุมดินเพื่อลดการพังทลายของหน้าดิน ใช้ผลิตกระดาษและยังสามารถนำต้นแห้งมาอัดเป็นแท่งสำหรับทำเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วยลักษณะเด่นของหญ้าชนิดนี้คือ ลำต้น และใบมีขนาดใหญ่ ลำต้นเติบโตได้เร็ว ตอบสนองต่อน้ำ และปุ๋ยดี

ให้ผลผลิตต่อไร่สูง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สัตว์ชอบกิน ทนต่อดินเค็มได้ดี ทนร่มเงาได้ดี ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี ทนต่อไฟไหม้ได้ดี ทนต่อการเหยียบย่ำของสัตว์ได้ดี ไม่พบโรค และแมลงทำลายเหมาะสำหรับทำหญ้าหมักหรือให้เป็นหญ้าสด

การปลูกหญ้าชนิดก็ไม่ซับซ้อนหรือยุ่งยาก เตรียมแปลงด้วยการไถกลบดิน เพื่อกำจัดวัชพืชอื่นๆออกให้หมดก่อนการหว่านเมล็ด หลังจากนั้น หว่านปุ๋ยรองพื้นสูตร 15-15-15 ประมาณ 30-50 กิโลกรัม/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยคอก อัตรา 2-4 ตัน/ไร่ จากนั้นปั่นพรวนดินอีกครั้ง เพื่อให้ปุ๋ยคลุกเคล้าเข้ากับดิน จากนั้นทำการหว่านเมล็ด แล้วใช้คราดกลบเมล็ด ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝนเพื่อให้หญ้าได้รับน้ำจากฝนตามธรรมชาติ

นอกจากจะสามารถประหยัดน้ำได้แล้วยังทำให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีอีกด้วย แต่หากมีแหล่งน้ำเพียงพอก็จะสามารถรดน้ำในช่วงหน้าแล้งได้เช่นกัน โดยในฤดูแล้งควรรดน้ำอย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น

หญ้าแพงโกล่า

เป็นหญ้าต้นกึ่งตั้งกึ่งเลื้อย ลำต้นเล็กยาว ไม่มีขน ใบเล็กเรียวยาว ใบดกอ่อนนุ่ม มีลำต้นอ่อน ทอดนอนไปกับพื้นดิน แตกรากและหน่อตามข้อ ต้นอ่อนจะตั้งตรง ความยาวของลำต้นเมื่อโตเต็มที่ยาวประมาณ 40-64 เซนติเมตร มีปล้อง 7-13 ปล้อง ปล้องยาว 3-8 ซม. ใบยาว 12-19 ซม. กว้าง 4 มม.

เหมาะสาหรับทำหญ้าแห้ง ทนน้ำท่วมขัง เจริญเติบโตดีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง เหมาะสาหรับปลูกในเขตชลประทาน ขึ้นได้ดีในดินหลายชนิด ตั้งแต่ดินทราย จนถึงดินเหนียว ทนแล้งได้ดีแต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ชุ่มน้ำ ชื้นแฉะ ทนน้ำท่วมขังได้พอสมควร สามารถปลูกได้ทั้งพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ดอน ผลผลิตน้าหนักแห้ง 5.0-7.0 ตันต่อไร่ต่อปี โปรตีน 7-11 เปอร์เซ็นต์

การปลูก

การปลูกในพื้นที่ลุ่ม ช่วงเวลาปลูก สามารถปลูกหญ้าแพงโกลาในพื้นที่ลุ่มได้ตลอดทั้งปี ให้เตรียมดินโดยการทำเทือกแบบนาหว่านนาตม การเตรียมท่อนพันธุ์หญ้าแพงโกลา ใช้หญ้าแพงโกลาทั้งต้นและต้องมีอายุมากว่า 50 วันขึ้นไป เพื่อให้ต้นพันธุ์เจริญงอกได้เต็มที่หลังจากตัดท่อนพันธุ์แล้วควรปลูกเลยทันที หากปลูกไม่ทันให้นำท่อนพันธุ์เก็บไว้ในที่ร่มแล้วรดน้าให้ชุ่ม

ไม่แนะนำให้กองรวมกันมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ร้อนและเหลืองตายได้ การปลูก หลังจากเตรียมดินทาเทือกไว้แล้ว เติมน้ำเข้าสู่แปลงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใช้ท่อนพันธุ์ อัตรา 200-300 กิโลกรัมต่อไร่ โรยท่อนพันธุ์ให้ทั่วทั้งแปลง จากนั้นใช้ท่อพีวีซีหรือท่อเหล็กกดท่อนพันธุ์ให้จมน้ำ หรือแตะกับเทือกที่เตรียมไว้ จากนั้นให้แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน แล้วปล่อยน้ำออกทันที เพื่อให้รากเจริญเติบโต จากนั้นต้นอ่อนจะเริ่มเจริญเติบโต

เมื่อหญ้าสูงขึ้นประมาณ 10-15 เซนติเมตร จึงเริ่มให้น้ำอีกครั้งโดยขังน้ำไว้ประมาณ 2 วัน แล้วระบายออก จากนั้นใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 อัตรา ประมาณ 25-50 กก./ไร่ จากนั้นทำแบบเดิมเพื่อเพิ่มปุ๋ยยูเรีย โดยปล่อยน้ำเข้าปล่อยทิ้งไว้อีก 2วัน จากนั้นปล่อยน้ำออก ใส่ปุ๋ยทันทีหลังจากปล่อยน้ำออก ในขณะที่ดินยังชื้นแฉะอยู่ หลังจากนี้อีกประมาณ 60 วันจะสามารถตัดไปใช้เลี้ยงสัตว์ได้ หลังจากการตัดทุกครั้งให้เติมน้ำทิ้งไว้ 2 วันจากนั้นปล่อยน้ำแล้วให้ใส่ปุ๋ยยูเรียเช่นเดิม ทำแบบเดิมทุกครั้งเมื่อมีการเก็บเดี่ยวผลผลิต นอกจากนี้หญ้าแพงโกล่าสามารถนำมาทำเป็นหญ้าแห้งเพื่อใช้ในหน้าแล้งได้ด้วย แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าหญ้าสดสามารถให้โปรตีนมากกว่าหญ้าแห้งแน่นอน ดังนั้นการผลิตหญ้าสดนั้นต้องอาศัยน้ำเป็นปัจจัยหลัก เพราะฉะนั้นการปลูกหญ้าแพงโกล่าจึงจำเป็นต้องใช้น้ำมากกว่าการปลูกหญ้าชนิดอื่นๆ จึงเหมาะกับเกษตรกรที่มีแหล่งน้ำเพียงพอเท่านั้น

เมื่อเรารู้จักสายพันธุ์หญ้ายอดนิยมกันแล้ว จากนั้นก็ให้เลือกตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ หรือตามความสะดวกของเกษตรกรได้เลย เช่นหากเราไม่มีเครื่องบดสับก็ให้ปลูกหญ้ากินนีสีม่วงหรือหญ้าแพงโกล่า และ หญ้าหวานแทน แต่หากมีพื้นที่น้อยแต่มีจำนวนสัตว์เลี้ยงมากแนะนำให้ปลูกหญ้าจกรพรรดิ์และหญ้าเนเปียร์ปากช่อง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพียงพอต่อจำนวนสัตว์เลี้ยง เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ฝากติดตามบทความดีๆของทีมงานอีสานเดลี่หรือหากมีข้อสงสัยสามารถแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกับเราได้ทางคอมเมนต์ด้านล่างได้เลย

Tags: การดูแลหญ้าเลี้ยงสัตว์, การรดน้ำหญ้า, ปลูกหญ้า, สายพันธุ์หญ้า, หญ้า, หญ้าที่นิยมปลูก, หญ้าเลี้ยงสัตว์, เกษตรกรรม, เตรียมดินปลูกหญ้า, เลี้ยงสัตว์

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ อย่างไรให้ได้ผลผลิตที่ดี

 

 

   หญ้าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญและมีอยู่ทั่วไปสำหรับการเลี้ยงวัวสัตว์กินพืช เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์ที่ต้องอาศัยพืชตามธรรมชาติเป็นอาหาร และวิวัฒนาการมาเพื่อกินหญ้าและพืชอื่นๆ หลากหลายชนิด การให้หญ้าแก่วัวสามารถให้สารอาหารที่จำเป็นแก่พวกมัน เช่น โปรตีน ไฟเบอร์ และวิตามิน และมักถูกพิจารณาว่าเป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนกว่าเมื่อเทียบกับการให้อาหารพวกมันด้วยธัญพืชหรืออาหารเสริมอื่นๆ เนื่องจากหญ้าแต่ละชนิดนั้นให้โปรตีนและปริมาณผลผลิตที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น ดิน น้ำ อากาศ วันนี้ทีมงานอีสานเดลี่จึงอยากจะนำเสนอบทความที่เกี่ยวกับเลือก ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ ที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตที่ดี รวมไปถึงการเลือกพันธุ์หญ้าต่างๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่ต่างๆด้วย

“เลือก ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ อย่างไรให้ได้ผลดี ในพื้นที่ที่เรามีจำกัด”

การเลี้ยงสัตว์เป็นอีกหนึ่งอุสาหกรรมที่ทำให้เกษตรกรมีอาชีพและสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ ในสมัยก่อนการเลี้ยงสัตว์เป็นการเลี้ยงเพื่อใช้งานเกี่ยวกับการเกษตรและบริโภคในครัวเรือน แต่ปัจจุบันนี้การเลี้ยงสัตว์นั้นกลายเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้ของเกษตรกรหลายๆคน โดยการเลี้ยงสัตว์นั้นหากเกษตรกรสามารถประหยัดต้นทุนได้มากเท่าไหร่เราก็จะสามารถทำกำไรได้เท่านั้น การประหยัดต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์นั้นสามารถหาได้จากตามธรรมชาติที่หาได้ตามท้องถิ่นของเราหรือ พืชผลที่เหลือจากการเกษตร เช่น กากถั่วเหลือง กากมัน หรือแม้กระทั่งหญ้าที่เป็นศัตรูทางการเกษตรด้วย หญ้าเลี้ยงสัตว์นั้นก็มีมากมายหลายชนิดเช่นกันกัน วันนี้อีสานเดลี่จะนำสาระความรู้เกี่ยวกับการเลือก ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์ ที่เหมาะสมกับดินในแต่ละท้องที่เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี และยังช่วยประหยัดต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย หญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรนิยมปลูกกันหลักๆแล้วมีประมาณ 5 ชนิดได้แก่

หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1

 

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์

เป็นหญ้าลูกผสมที่ผ่านการปรับปรุงสายพันธุ์ที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างหญ้าเนเปียร์ยักษ์และหญ้าไข่มุก  เป็นหญ้าอาหารสัตว์ที่มีศักยภาพสูงทั้งในแง่การให้ผลผลิต เมื่อเทียบปริมาณต่อไร่ ให้ผลผลิตน้ำหนักสด 8 – 10 ตัน/ไร่/รอบการตัดทุก 60 วัน และมีคุณค่าทางอาหารสัตว์ดีตามที่สัตว์ต้องการ  เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้อง อาทิ โคทุกสายพันธุ์ แพะ แกะ  หญ้าเนเปียร์นอกให้ผลผลิตดีแล้วยังสามารถให้ผลผิตได้ต่อเนื่องหลายปี จึงไม่ต้องปลูกบ่อย ลำต้นมีลักษณะตรง สูง 2.5 – 3.5 เมตรขึ้นอยู่กับการดูแล  มีโปรตีนสูงถึง 13 – 17 %  มีลักษณะเด่น คือ  โตเร็ว ให้ผลผลิตต่อไร่สูง โปรตีนสูง สัตว์ชอบกิน ตอบสนองต่อการให้น้ำและปุ๋ยดี  แตกกอดี  ออกดอกช้า ทนแล้ง ในฤดูหนาวเติบโตได้ดีไม่ชะงัก  ไม่มีระยะพักตัวสามารถให้ผลผลิตตลอดทั้งปี ใบและลำต้นไม่แข็งมาก มีขนที่บริเวณใบหรือลำต้นน้อยกว่าหญ้าเนเปียร์สายพันธุ์อื่น  มีปริมาณน้ำตาลในใบและลำต้นสูง ทำเป็นหญ้าหมักโดยไม่ต้องเติมสารเสริมใดๆ ปรับตัวได้ดีในดินหลายสภาพ ไม่มีโรคและแมลงรบกวน เก็บเกี่ยวง่าย ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้นาน 6 – 7 ปี  เหมาะกับเกษตรกรที่มีพื้นที่จำกัด  ชอบดินที่มีการระบายน้ำดี ขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์

การเตรียมดิน

โดยการไถกำจัดวัชพืช 2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 2,000 กก./ไร่  หรือใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กก./ไร่  รองพื้น จากนั้นไถกลบอีกครั้ง

การเตรียมท่อนพันธุ์และการปลูก ใช้ต้นพันธุ์อายุประมาณ 90 วัน นำต้นพันธุ์มาตัดเป็นท่อนๆ ให้มีข้อติดอยู่ไม่น้อยกว่า ท่อนละ 2 ข้อ   ระยะปลูกระหว่างแถว 1.20 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 1 เมตร ใช้ท่อนพันธุ์ประมาณ 200 – 250 กก./ไร่

การให้น้ำหญ้าเนเปียร์ ถ้าหากฝนทิ้งช่วงควรมีการให้น้ำ  หากเป็นแบบสปริงเกอร์ควรให้ทุก 3 – 5 วัน แต่ถ้าเป็นแบบสูบราดควรปล่อยน้ำเข้าแปลง ทุกๆ 7 – 10 วัน จะสามารถผลิตหญ้าสดได้ตลอดทั้งปี  การกำจัดวัชพืชหลังการปลูก 2 – 3 สัปดาห์ จากนั้นควรกำจัดวัชพืชหลังการตัดทุกครั้ง

การเก็บเกี่ยวและการใช้ประโยชน์  การเก็บต้องตัดให้ชิดดินที่สุด เพื่อให้แตกหน่อใหม่จากใต้ดิน จะตั้งตัวได้เร็วและมีขนาดโตอวบอ้วน  การตัดหญ้าทุกครั้งควรใส่ปุ๋ยคอกลงไปที่โคนกอแล้วรีบให้น้ำทันที ส่วนปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 ให้ใส่หลังแตกหน่อใหม่ ประมาณ 2 สัปดาห์ หยอดปุ๋ยลงไปที่โคนกอเพื่อหญ้าแตกกอมาก ขนาดลำต้นใหญ่อวบ ใบดกเขียวเข้มงาม ทำให้ผลผลิตสูง

หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1  สามารถเก็บเกี่ยวหญ้าครั้งแรกเมื่ออายุ 75 วัน จากนั้นตัดใช้ประโยชน์ได้ทุกๆ 45 – 60 วัน ช่วงฤดูฝนหญ้าโตเร็วอาจตัดอายุน้อยกว่า 30 วัน ตัดเกี่ยวหญ้าได้ 5 – 6 ครั้ง/ปี  ได้หญ้าสดประมาณ 8 – 10 ตัน/ไร่/ครั้ง ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงโค 5 – 6 ตัว  สามารถลดพื้นที่เลี้ยงสัตว์  เหมาะสำหรับผู้มีพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์น้อยแต่มีจำนวนสัตว์มาก

และสามารถนำไปผลิตเป็นพืชหมักได้ดี  เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตละลายได้สูง หากต้องการทำหญ้าหมักเก็บถนอมไว้เลี้ยงสัตว์ โดยตัดหญ้าอายุ 60 วัน หั่นเป็นชิ้น ขนาดชิ้นละ 1 – 3 ซม.  บรรจุลงภาชนะอัดให้แน่น ดูดอากาศออกปิดภาชนะให้สนิท เก็บในที่ร่มประมาณ 21 วันขึ้นไป  จึงทยอยนำมาใช้ยามขาดแคลน

หญ้าหวานอิสราเอล 

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์

หญ้าหวานอิสราเอลเป็นหญ้าที่ได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์อีกชนิดหนึ่ง เป็นหญ้าสายพันธุ์เนเปียร์อีกชนิดหนึ่งหรือเรียกกันว่าหญ้าเนเปียร์อิสราเอล เป็นหญ้าเนเปียร์พันธุ์ท้องถิ่นของประเทศอิสราเอลที่มีการปลูกอย่างแพร่หลาย มีการนำเข้ามาเพื่อเป็นอาหารสัตว์ทดแทนหญ้าเนเปียร์ชนิดอื่นๆ ซึ่ง เหมาะอย่างยิ่งที่จะปลูกไว้สำหรับการเลี้ยงสัตว์ โดยพบว่าหญ้าหวานอิสราเอลมีโปรตีนมากถึง 20% แล้วแต่ความสมบูรณ์ในแต่ละท้องที่ หรือขึ้นอยู่กับสภาพดินด้วย หากเทียบกับหญ้าเนเปียร์ชนิดอื่นๆที่มีโปรตีนเพียงแค่ 10กว่า % เท่านั้น

เป็นหญ้าที่ปลูกโตได้ที่แล้วสามารถนำมาเลี้ยงสัตว์กินได้เลยโดยไม่ต้องสับ มีรสหวาน กรอบ  ด้วยรสชาติหวาน จึงเรียกกันว่า “หญ้าหวาน” ลำต้นเป็นพุ่มและใบมีขนาดใหญ่ ให้ใบเยอะ ข้อดีของหญ้าหวานคือจะไม่ผลัดง่าย และมีคุณค่าทางโปรตีนสูง เติบโตได้รวดเร็วหลังจากตัดแล้วใสปุ๋ยรดน้ำประมาณ 30-45 วันก็สามารถตีดได้อีกรอบ ให้ผลผลิตต่อไร่สูง เก็บเกี่ยวตลอดทั้งปี และเก็บเกี่ยวได้ต่อเนื่องนานถึง 5-7 ปีในการปลูกแค่ 1 ครั้ง ดังนั้นหญ้าหวานจึงไม่ต้องลงทุนปลูกซ้ำๆในทุกๆปี เพราะเกษตรกรต้องการลดต้นทุนในการผลิต

ระยะห่างระหว่างต้นจะต้องมากกว่า 1 เมตรจึงจะสามารถแตกกอได้ดี ต้นเตี้ย อวบ ไม่แข็ง ลำต้นโตไม่มาก ใบใหญ่ รสชาติหวาน กรอบ การขยายพันธุ์โดยใช้ท่อนพันธุ์ปักชำ หากมีการดูแลดินและน้ำดีเท่ากัน หญ้าหวานอิสราเอลจะให้ผลผลิตที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน รสหวานเป็นลักษณะเด่นที่สัตว์กินพืชส่วนใหญ่ต้องการ ประกอบกับสารอาหารที่อยู่มากมาย ไม่จำเป็นต้องหั่นหรือสับเป็นชิ้นเล็ก แต่สามารถให้สัตว์กินทั้งต้นได้เลย จึงเป็นการลดต้นทุนของเกษตรกรได้อีกทางหนึ่งด้วย

วิธีปลูกก็ง่าย ปลูกเหมือนกับการปลูกหญ้าเนเปียร์พันธุ์อื่นได้เลย เพื่อเร่งการเจริญเติบโตและให้ท่อนพันธุ์ติเร็วขึ้นสามารถใช้ท่อนพันธุ์นำมาแช่น้ำยาเร่งรากก่อนปลูก จะได้ผลดีและควรเตรียมดินให้พร้อมก่อนการเตรียมท่อนพันธุ์ น้ำและปุ๋ยจำเป็นมากในช่วงแรกการปลูก เพราะหญ้าหวานจะต้องการน้ำมากในการปลูกครั้งแรก ต้องรดน้ำให้ชุ่มก่อนการปลูกเพื่อเพิ่มอัตราการงอก

วิธีปลูกทำได้ด้วยโดยการนำท่อนพันธุ์มาปักชำไปเลยก็ได้หรือมาวางไว้ในหลุม โดยไม่ต้องขุดหลุมลึกมากจนเกินไป ใส่ท่อนพันธุ์ได้ประมาณ 3-5 ท่อน แล้วแต่ขนาดหลุม แต่ละกอควรให้ห่างกันประมาณ 1 เมตร แล้วกลบดินบางๆ อาจใช้หญ้าแห้งหรือฟางคลุมหน้าดินเพื่อป้องกันหน้าดินแห้ง ระหว่างนี้ให้รดน้ำ 1-2 วันต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับความชื้นของดิน โดยปกติจะชอบอากาศเย็น และความชื้นสูงจะงอกและเจริญเติบโตได้ดี

หญ้าจักรพรรดิ์นรก

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์

เป็นหญ้าที่ทนหนาว ทนแล้ง แต่ไม่ชอบที่ลุ่มน้ำหรือพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน หญ้าจักพรรดิ์ให้ผลผลิตต่อไร่สูง โปรตีนสูง สามารถเติบโตในทุกสภาพอากาศ นั่นหมายความว่าเมื่อถึงหน้าหนาวในบ้านเราหญ้าชนิดนี้จะไม่พักตัวและให้ผลผลิตเหมือนเดิมในทุกๆฤดู นั่นคือจุดมุ่งหมายสูงสุดในการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์แล้ว เพราะว่าหญ้าสดนั้นมีคุณค่าครอบถ้วนกว่าฟางแห้งแน่นอน แต่ที่มากกว่านั้นก็คือ หญ้าจักรพรรดิ์ สามารถให้โปรตีนได้สูงถึง18.46% เราสามารถลดต้นทุนอาหารข้นได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ในพื้นที่ 1 ไร่ ให้ผลผลิต 40-50 ตัน/ปีทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลอีกด้วย ลำต้นแก่ก็จะไม่แข็งเท่าหญ้าเนเปียร์ชนิดอื่น

ถ้าเอาไปเข้าเครื่องสับ ก็สับง่าย ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ใบจะมีความกว้างและดก จะไม่ทิ้งใบง่าย จึงจะได้เนื้อใบเยอะ โปรตีนก็สูงตามไปด้วย สามารถนำไปเลี้ยงสัตว์อื่นๆได้อีกหลายชนิดนอกจากวัว ทั้ง แพะ แกะ ม้า หรือแม้กระทั่ง ไก่งวง หนูตะเภา กระต่าย ส่วนเรื่องขนนั้นจะมีทั่วไปอยู่แล้วสำหรับหญ้าตระกูลเนเปียร์ และขอบใบก็ไม่คมด้วย

พื้นที่ปลูกที่เหมาะสม หญ้าจักรพรรดิ์เป็นหญ้าสกุลเนเปียร์ ที่ขึ้นได้ดีในดินหลายประเภท ยกเว้นพื้นที่น้ำท่วมขังเท่านั้น แนะนำให้ยกร่องเพื่อระบายน้ำก็จะสามารถปลูกได้ ต้องการแสงแดดมาก เพราะฉะนั้นการปลูกใต้ร่มเงาจะได้ผลผลิตน้อยลง

หากสามารถวางระบบให้น้ำได้ ก็จะได้ผลผลิตสูงต่อเนื่องตลอดทั้งปี อีกทั้งยังสามารถประหยัดน้ำได้อีกด้วย และสามารถใช้ปลูกร่วมกับการให้น้ำได้ทุกระบบ ทั้ง สปริงเกอร์น้ำเหวี่ยง น้ำหยด หรือ การปล่อยไหลไปตามร่องได้เลย แต่จะให้ผลดีที่สุดนั้นต้องเป็นระบบน้ำหยดจะสามารถควบคุมได้ทั้งการให้น้ำและปุ๋ยในเวลาเดียวซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถประหยัดเวลาได้อีกด้วย

ควรใส่ปุ๋ยขี้วัวรองพื้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในดินและทำให้ดินร่วนซุย สามารถอุ้มน้ำได้ดีก่อนการปลูก และปุ๋ยยูเรียพร้อมกับการกำจัดวัชพืชในครั้งแรก ใส่ทุกครั้งหลังตัดเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อเพิ่มแร่ธาตุอาหารให้หญ้าสามารถเจริญเติบโตและสามารถเก็บเกี่ยวได้ในอีก 30- 45 วัน จะทำให้หญ้าใบเขียวเข้มใบดกงาม หลังจากเก็บเกี่ยวไปแล้ว 2-3ครั้ง สามารถสลับมาให้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 บ้างเพิ่มสารอาหารชนิดอื่นให้แก่ต้นหญ้าบ้าง เพราะถ้าหากดินจืดจะทำให้พืชให้ผลผลิตต่ำลงเช่นกัน ผลผลิตจะมากน้อยขึ้นอยู่กับการให้ปุ๋ยนั่นเอง ดังนั้นหากปุ๋ยไม่เพียงพอหญ้าที่ได้ก็แทบจะไม่มีคุณค่าทางอาหารเหลือเลย

หญ้ากินนี่

ปลูกหญ้า เลี้ยงสัตว์

หญ้าชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดมาจากวีปแอฟริกาและพบแพร่กระจายทั่วไปในทุกประเทศของแอฟริกา ปลูกไว้สำหรับเป็นอาหารหยาบแก่สัตว์เลี้ยงต่างๆ กินนีสีม่วง เนื่องจาก มีโคนต้น หน่อ และช่อดอกเป็นสีม่วง

สามารถปลูกได้ในทุกภาคของประเทศไทย เป็นหญ้าที่มีอายุหลายปี สามารถแตกหน่อเป็นลำต้นใหม่คล้ายๆกับกอตะไคร้ ลำต้นโตจะเป็นกอตั้งตรง ผิวลำต้นเกลี้ยง ไม่มีขน ลำต้นมีความสูงประมาณ 1.8–2.4 เมตร โคนลำต้นมีสีม่วง ใบหญ้ากินนีสีม่วง ออกเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบสีเขียวเข้ม ใบมีขนาด 20–22 มิลลิเมตร ยาว 80–85 เซนติเมตร

ในช่วงเก็บเกี่ยว บริเวณผิวใบและกาบใบจะไม่มีขน ออกดอกเป็นช่อ สีเขียวอมสีม่วง เริ่มออกดอกเมื่ออายุ 90-110 วัน หรือมีความสูงของลำต้นโดยประมาณ 220 เซนติเมตร เริ่มออกดอกในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ช่อดอกใช้เวลาประมาณ 23 วัน ในการแตกช่อ

นอกจากการนำมาเป็นอาหารหยาบสำหรับสัตว์เลี้ยงแล้วยังมีประโยชน์ในด้านอื่นด้วย เช่นใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ใช้ปลูกเพื่อคลุมดินเพื่อลดการพังทลายของหน้าดิน ใช้ผลิตกระดาษและยังสามารถนำต้นแห้งมาอัดเป็นแท่งสำหรับทำเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วยลักษณะเด่นของหญ้าชนิดนี้คือ ลำต้น และใบมีขนาดใหญ่ ลำต้นเติบโตได้เร็ว ตอบสนองต่อน้ำ และปุ๋ยดี

ให้ผลผลิตต่อไร่สูง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง สัตว์ชอบกิน ทนต่อดินเค็มได้ดี ทนร่มเงาได้ดี ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี ทนต่อไฟไหม้ได้ดี ทนต่อการเหยียบย่ำของสัตว์ได้ดี ไม่พบโรค และแมลงทำลายเหมาะสำหรับทำหญ้าหมักหรือให้เป็นหญ้าสด

การปลูกหญ้าชนิดก็ไม่ซับซ้อนหรือยุ่งยาก เตรียมแปลงด้วยการไถกลบดิน เพื่อกำจัดวัชพืชอื่นๆออกให้หมดก่อนการหว่านเมล็ด หลังจากนั้น หว่านปุ๋ยรองพื้นสูตร 15-15-15 ประมาณ 30-50 กิโลกรัม/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยคอก อัตรา 2-4 ตัน/ไร่ จากนั้นปั่นพรวนดินอีกครั้ง เพื่อให้ปุ๋ยคลุกเคล้าเข้ากับดิน จากนั้นทำการหว่านเมล็ด แล้วใช้คราดกลบเมล็ด ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝนเพื่อให้หญ้าได้รับน้ำจากฝนตามธรรมชาติ

นอกจากจะสามารถประหยัดน้ำได้แล้วยังทำให้สามารถเจริญเติบโตได้ดีอีกด้วย แต่หากมีแหล่งน้ำเพียงพอก็จะสามารถรดน้ำในช่วงหน้าแล้งได้เช่นกัน โดยในฤดูแล้งควรรดน้ำอย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น

หญ้าแพงโกล่า

เป็นหญ้าต้นกึ่งตั้งกึ่งเลื้อย ลำต้นเล็กยาว ไม่มีขน ใบเล็กเรียวยาว ใบดกอ่อนนุ่ม มีลำต้นอ่อน ทอดนอนไปกับพื้นดิน แตกรากและหน่อตามข้อ ต้นอ่อนจะตั้งตรง ความยาวของลำต้นเมื่อโตเต็มที่ยาวประมาณ 40-64 เซนติเมตร มีปล้อง 7-13 ปล้อง ปล้องยาว 3-8 ซม. ใบยาว 12-19 ซม. กว้าง 4 มม.

เหมาะสาหรับทำหญ้าแห้ง ทนน้ำท่วมขัง เจริญเติบโตดีในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง เหมาะสาหรับปลูกในเขตชลประทาน ขึ้นได้ดีในดินหลายชนิด ตั้งแต่ดินทราย จนถึงดินเหนียว ทนแล้งได้ดีแต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ชุ่มน้ำ ชื้นแฉะ ทนน้ำท่วมขังได้พอสมควร สามารถปลูกได้ทั้งพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ดอน ผลผลิตน้าหนักแห้ง 5.0-7.0 ตันต่อไร่ต่อปี โปรตีน 7-11 เปอร์เซ็นต์

การปลูก

การปลูกในพื้นที่ลุ่ม ช่วงเวลาปลูก สามารถปลูกหญ้าแพงโกลาในพื้นที่ลุ่มได้ตลอดทั้งปี ให้เตรียมดินโดยการทำเทือกแบบนาหว่านนาตม การเตรียมท่อนพันธุ์หญ้าแพงโกลา ใช้หญ้าแพงโกลาทั้งต้นและต้องมีอายุมากว่า 50 วันขึ้นไป เพื่อให้ต้นพันธุ์เจริญงอกได้เต็มที่หลังจากตัดท่อนพันธุ์แล้วควรปลูกเลยทันที หากปลูกไม่ทันให้นำท่อนพันธุ์เก็บไว้ในที่ร่มแล้วรดน้าให้ชุ่ม

ไม่แนะนำให้กองรวมกันมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ร้อนและเหลืองตายได้ การปลูก หลังจากเตรียมดินทาเทือกไว้แล้ว เติมน้ำเข้าสู่แปลงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใช้ท่อนพันธุ์ อัตรา 200-300 กิโลกรัมต่อไร่ โรยท่อนพันธุ์ให้ทั่วทั้งแปลง จากนั้นใช้ท่อพีวีซีหรือท่อเหล็กกดท่อนพันธุ์ให้จมน้ำ หรือแตะกับเทือกที่เตรียมไว้ จากนั้นให้แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-7 วัน แล้วปล่อยน้ำออกทันที เพื่อให้รากเจริญเติบโต จากนั้นต้นอ่อนจะเริ่มเจริญเติบโต

เมื่อหญ้าสูงขึ้นประมาณ 10-15 เซนติเมตร จึงเริ่มให้น้ำอีกครั้งโดยขังน้ำไว้ประมาณ 2 วัน แล้วระบายออก จากนั้นใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 อัตรา ประมาณ 25-50 กก./ไร่ จากนั้นทำแบบเดิมเพื่อเพิ่มปุ๋ยยูเรีย โดยปล่อยน้ำเข้าปล่อยทิ้งไว้อีก 2วัน จากนั้นปล่อยน้ำออก ใส่ปุ๋ยทันทีหลังจากปล่อยน้ำออก ในขณะที่ดินยังชื้นแฉะอยู่ หลังจากนี้อีกประมาณ 60 วันจะสามารถตัดไปใช้เลี้ยงสัตว์ได้ หลังจากการตัดทุกครั้งให้เติมน้ำทิ้งไว้ 2 วันจากนั้นปล่อยน้ำแล้วให้ใส่ปุ๋ยยูเรียเช่นเดิม ทำแบบเดิมทุกครั้งเมื่อมีการเก็บเดี่ยวผลผลิต นอกจากนี้หญ้าแพงโกล่าสามารถนำมาทำเป็นหญ้าแห้งเพื่อใช้ในหน้าแล้งได้ด้วย แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าหญ้าสดสามารถให้โปรตีนมากกว่าหญ้าแห้งแน่นอน ดังนั้นการผลิตหญ้าสดนั้นต้องอาศัยน้ำเป็นปัจจัยหลัก เพราะฉะนั้นการปลูกหญ้าแพงโกล่าจึงจำเป็นต้องใช้น้ำมากกว่าการปลูกหญ้าชนิดอื่นๆ จึงเหมาะกับเกษตรกรที่มีแหล่งน้ำเพียงพอเท่านั้น

เมื่อเรารู้จักสายพันธุ์หญ้ายอดนิยมกันแล้ว จากนั้นก็ให้เลือกตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ หรือตามความสะดวกของเกษตรกรได้เลย เช่นหากเราไม่มีเครื่องบดสับก็ให้ปลูกหญ้ากินนีสีม่วงหรือหญ้าแพงโกล่า และ หญ้าหวานแทน แต่หากมีพื้นที่น้อยแต่มีจำนวนสัตว์เลี้ยงมากแนะนำให้ปลูกหญ้าจกรพรรดิ์และหญ้าเนเปียร์ปากช่อง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพียงพอต่อจำนวนสัตว์เลี้ยง เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ฝากติดตามบทความดีๆของทีมงานอีสานเดลี่หรือหากมีข้อสงสัยสามารถแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกับเราได้ทางคอมเมนต์ด้านล่างได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

Tags: การดูแลหญ้าเลี้ยงสัตว์, การรดน้ำหญ้า, ปลูกหญ้า, สายพันธุ์หญ้า, หญ้า, หญ้าที่นิยมปลูก, หญ้าเลี้ยงสัตว์, เกษตรกรรม, เตรียมดินปลูกหญ้า, เลี้ยงสัตว์