นายฮ้อย อาชีพที่มีมาช้านาน ในสมัยโบราณใช้สำหรับเรียกหัวหน้าพ่อค้า ไม่จะขายอะไรในสมัยเรามักจะเรียกตามสิ่งของที่ค้าขาย เช่น ฮ้อยค้าควาย ฮ้อยค้าปืน เป็นต้น เชื่อกันว่าเป็นคนที่รอบรู้ มีคาถาอาคม รู้เส้นทางในการเดินทางไปค้าขายตามสถานที่ต่างๆ โดยใช้วิธีการเดินเท้าเป็นคาราวานและใช้วัว ควาย เป็นแรงงานในการทำไร่ไถนาและการขนส่งสินค้า อีกทั้งยังเป็นการต้อนฝูงวัวควายไปขายตามตลาดได้อีกด้วย
นายฮ้อย อาชีพที่มีมาช้านาน ค้าขายนั้นจะขายไปเรื่อยๆ ทั้งสินค้าที่ขนไปและฝูงวัวควายด้วย จุดมุ่งหมายคือการขายตามหัวเมืองต่างๆ ซึ่งเป้าหมายหลักในการเดินทางคือการเข้ามาค้าขายยังเมืองบางกอกหรือกรุงเทพในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งตลาดค้าควายของกรุงเทพนั้นคือสะพานควายในกรุงเทพในปัจจุบัน นับว่าเป็นตลาดค้าควายที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพในสมัยก่อน ซึ่งนายฮ้อยจะต้อนมาขายกันที่นี่ เพราะจะได้ผลตอบแทนมากกว่าการขายปกติถึงห้าเท่าเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งการเดินทางนั้นอาจจะต้องใช้เวลาเป็นแรมเดือนปีกันเลยทีเดียว
“อาชีพที่สร้างรายได้มหาศาล กับการเป็นนายฮ้อย”
นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้ามาทำการค้าขายในสมัยโบราณและยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้ามาขายแรงงานของคนอีสานในสมัยนั้นด้วยและต่อมามีการสร้างทางรถไฟขึ้นจึงทำให้ขบวนคาราวานนายฮ้อยเริ่มเลือนหายไปตามยุคตามสมัย แต่ในปัจจุบันคำว่านายฮ้อยจึงใช้เรียกพ่อค้าขายวัวควายเท่านั้น และแน่นอนว่าคำว่านายฮ้อยยังคงต้องยกเครดิตให้เป็นผู้นำหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าขายวัวควายในปัจจุบัน นอกจากประสบการณ์และความรู้ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นแล้ว คุณธรรมยังเป็นอีกหนึ่งอย่างที่นายฮ้อยยังยึดถือกันมาอย่างยาวนานในการทำการค้าขายสำหรับอาชีพนี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นทำให้อาชีพนายฮ้อยยังสืบทอดกันมาถึงปัจจุบันนี้
แน่นอนว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงมีการใช้แรงงานสัตว์เป็นส่วนใหญ่ในการทำเกษตรกรรมในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นการไถนา หรือการขนส่ง ล้วนแล้วแต่ต้องใช้แรงงานสัตว์ทั้งสิ้น แต่ในสมัยปัจจุบันได้มีการใช้เครื่องจักรในการทำเกษตรกรรมแทน ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันจึงไว้สำหรับการบริโภคเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ความต้องการในการบริโภคเนื้อสัตว์ในปัจจุบันนั้นยังเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน จนทำให้เกิดเป็นตลาดค้าขายวัวควายตามมา นับได้ว่ามีเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยเลยทีเดียว เนื่องจากความต้องการสูงมากดังนั้นราคาก็พุ่งขึ้นสูงตามไปด้วย จนให้เกิดเป็นอาชีพนายฮ้อยขึ้นมา ต้องยอมรับว่าอาชีพนี้สามารถทำเงินได้มากเลยทีเดียวจากบางคนที่เคยเป็นอาชีพเสริมแต่ปัจจุบันกลายเป็นอาชีพหลักของใครหลายๆคนในการหาเลี้ยงครอบครัวไปเลย
การค้าขายจะเริ่มจากการออกไปหาซื้อวัวควายตามหมู่บ้านต่างๆ และหลังจากที่ตกลงราคากันได้แล้วจะมีการวางเงินมัดจำไว้ก่อน จากนั้นนัดวันมารับวัวควายที่วางมัดจำไว้แล้วจ่ายเงินส่วนที่เหลือ การวาดลวดลายในการต่อรองราคาของนายฮ้อยถือเป็นหัวใจหลักสำคัญในการทำเงินให้กับนายฮ้อย ต้องยอมรับว่าเป็นอาชีพที่ต้องขยัน อดทน เพราะต้องตื่นเช้าถึงตีสามเลยทีเดียว เพื่อทำการขนย้ายวัวไปยังตลาดค้าขายวัวควาย
การซื้อขายนั้นเริ่มกันในช่วงเช้าตรู่ของวัน การขนส่งในปัจจุบันนั้นสะดวกสบายมากขึ้นโดยการใช้รถยนต์และธุรกิจการขนส่งวัวควายก็เป็นอีกหนึ่งกิจการของนายฮ้อยด้วยเช่นกัน และยังใช้ผ้าขาวม้าเป็นสัญลักษณ์และเป็นของที่คู่กับนายฮ้อยมาอย่างช้านาน บางทีอาจจะต้องมีการนอนค้างคืนหากตลาดที่จะไปค้าขายนั้นไกลเกินไป โดยอาศัยการนอนในรถแทน เพื่อที่จะได้ไปถึงที่หมายตามเวลา โดยจะทำงานกันเป็นทีมมีทีมจับเชือกนั่นคือคนที่รอรถที่ขนวัวมายังตลาด โดยจะทำการเจรจากันตั้งแต่หน้าตลาดเลยทีเดียว หากต่อรองเจรจาจนได้ราคาที่ทั้งสองฝ่ายพอใจแล้ว จะมีอีกคนวิ่งเกาะรถเพื่อไปส่งในบริเวณที่คนซื้อรออยู่แล้ว
โดยทีมจับเชือกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นเพราะต้องวิ่งเกาะรถและต่อรองพูดคุยในระหว่างขนส่ง จากนั้นวางมัดจำก่อนแล้วนำไปส่งต่อให้ทีมเหยียบเชือก จากนั้นทีมเหยียบเชือกจะเป็นคนเก็งกำไรต่อไป และจะมีการส่งต่อกันเป็นทอดๆ บางคนมาซื้อไปเลี้ยงต่อหรือซื้อไปขายเพื่อเก็งกำไรต่อไป สมัยนี้วิวัฒนาการในการทำการค้าขายเริ่มมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยจากการขายที่ตลาด ตอนนี้การค้าขายเสรีมากยิ่งขึ้น โดยสามารถนั่งชอปออนไลน์ได้ด้วยเช่นกัน แต่หากจะให้ดีแนะนำให้ไปดูตัวจริงก่อน โดยสามารถโทรติดต่อนัดดูตัวก่อน จากนั้นหากชอบแล้วค่อยวางมัดจำดีกว่า อย่างน้อยจะได้พอใจกันทั้งสองฝ่าย และเป็นการป้องกันมิจฉาชีพมาหลอกขายวัวได้อีกทางด้วย หากจะนำมาเลี้ยงต่อก็จะสามารถขยายพันธุ์ได้ การทำมาหากินแบบนี้จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกันทั้งผู้ซื้อแลัผู้ขายเอง อาจจะต้องมีการทำสัญญารับประกันตำหนิของวัวควายต่างๆ แล้วแต่เงื่อนไขในการตกลงกัน การเลือกดูวัวควายนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพราะถ้าหากเรานำมาเลี้ยงต่อก็จะได้กำไร ออกลูกออกหลานได้ โดยการเลือกซื้อวัวควายนั้นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญนั้นจะดูจากลักษณะภายนอกแบบเคล่าๆ เช่น หนังหนาส่าใหญ่มีหนังที่ย่นหย่อนยานนั่นหมายถึงว่าโคจะยังสามารถโตขึ้นได้อีก ขาใหญ่แข็งแรงสมบูรณ์ กลีบเท้าไม่ยืดยาวจนเกินไปเพราะจะเป็นอุปสรรคในการเดินหรือสามารถสืบทอดพันธุ์กรรมได้ ขาไม่ถกถอนการเดินปกติ ร่าเริงกระปี้กระเปร่าหรือเปล่าซึมไหม ป่วยไหม กระดูกซี่โครงไม่จมหรือด้วน ทรงลึกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าไม่ด่างหางไม่ดอก นมดีสี่เต้าไม่มีติ่ง และนี่คือวิธีการดูวัวแบบเคล่าๆในการเลือกซื้อวัวควายเบื้องต้น ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นอาจจะมีผลทางพันธุ์กรรมหรืออาจทำให้ราคาในการขายนั้นลดลงตามไปด้วย เนื่องจากนายฮ้อยจะเรียกส่วนนี้ว่าเป็นตำหนิของวัวควายในการนำไปขายหรือขยายพันธุ์ต่อไป
เมื่อเราเลือกได้ตามที่ต้องการแล้ว ก็ควรทำวัคซีนเพื่อป้องกันโรคที่อาจมีผลกระทบในการเจริญเติบโตของสัตว์ด้วย และควรจะมีการบันทึกเก็บหลักฐานในการทำประวัติของวัวควายแต่ละตัวด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ เพียงเท่านี้สัตว์เลี้ยงของเราก็จะมีสุขภาพที่ดี และให้คุณประโยชน์แก่เราในภายภาคหน้าต่อไป