ของว่างสำหรับคนอีสานนั้นมีมากมายหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะม่วงจิ้มน้ำพริกปลาร้า ไส้กรอกอีสาน แหนมหมู ส้มตำ หรือ ยำต่างๆ แต่จะมีสักกี่อย่างกันที่สามารถเป็นได้ทั้งอาหารทานเล่นและเป็นได้ทั้งของหวานในเวลาเดียวกัน หวานอร่อย คลายร้อนได้ ต้องยกให้เมนูนี้เลย “ข้าว หมาก หวาน” ข้าวหมากเป็นของว่างอีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย มีรสชาติหวานอร่อย ขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยากอะไรเลย มีแค่ขั้นตอนการนึ่งข้าวที่ต้องพิถีพิถันนิดหนึ่ง และนำมาคลุกกับ แป้งข้าวหมาก หมักแล้วทำการห่อด้วยใบตองเท่านั้นเอง หลังจากนั้น 2-3 วันเป็นอันว่าพร้อมทานได้เลย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อยู่ควบคู่กับคนอีสานมาอย่างช้านาน ข้าว หมาก หวาน คือ อาหารว่างรสหวาน ซึ่งเกิดจากวิธีการหมักข้าวเหนียว ด้วยใช้ แป้ง ข้าว หมาก จะใช้เป็นข้าวเหนียวขาว หรือข้าวเหนียวดำก็ได้ หลักการทำงานของลูกแป้งข้าวหมาก โดยจุลินทรีย์จาก แป้ง ข้าว หมาก จะทำหน้าที่ย่อยแป้งที่อยู่ในข้าวเหนียวให้กลายเป็นน้ำตาลและจากยีสต์จาก แป้งข้าวหมาก จะเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ เมื่อหมักจนได้ที่ ข้าว หมาก ก็จะมีรสหวานตามธรรมชาติเลย และจะมีกลิ่นของแอลกอฮอล์นิดหน่อย หลังจากผ่านการหมักเมล็ดข้าวเหนียวจะอ่อนนุ่ม และมีน้ำซึมออกมาจากข้าวเหนียว ใช้ทานเป็นอาหารว่างหรือจะทานเป็นของหวานก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าแช่เย็นก็ให้ความรู้สึกสดชื่นมากขึ้นไปอีก
“ข้าว หมาก หวาน เย็นชื่นใจ ทำง่ายอร่อยด้วย”
วันนี้อีสานเดลี่จึงนำเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการทำข้าวหมากมาฝากกันกับวิธีทำข้าวหมากให้ได้รสหวานพร้อมทานได้ภายใน 3 วัน
วิธีทำข้าว หมาก หวาน
หัวใจหลักที่สำคัญในการทำข้าว หมาก หวาน คือ การนึ่งข้าวเหนียวนั่นเอง
- ล้างข้าวเหนียวด้วยการซาวน้ำให้สะอาด 2-3 ครั้ง เพื่อเก็บสิ่งแปลกปลอมที่มากับข้าวเหนียวออกให้หมด ก่อนนำมาทำ
- จากนั้นให้แช่ข้าวเหนียวใส่น้ำให้ท่วมข้าวเหนียวประมาณ 1 นิ้วเพื่อให้ข้าวเหนียวอุ้มน้ำพองตัว ง่ายต่อการนึ่งให้สุก เช่นเดียวกับการนึ่งข้าวเหนียวไว้ทานโดยต้องแช่น้ำไว้ประมาณ 3-5 ชั่วโมง ที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อให้ข้าวเหนียวนั้นนุ่มเวลาที่นึ่งเสร็จแล้ว
- เมื่อแข่ข้าวเหนียวเรียบร้อยแล้วก็ถึงขั้นตอนการนึ่ง ใส่น้ำในหม้อนึ่งประมาณ 30 % ของหม้อ จากนั้นนำไปตั้งไฟ จากนั้นซาวข้าวเหนียวที่ผ่านการแช่น้ำไว้แล้ว มาใส่ในหวดนึ่ง นำไปค้างบนหม้อนึ่งแล้วใช้ฝาหม้อปิดให้พอดีกับขนาดหวดนึ่ง ให้นึ่งข้าวเหนียวในหวดนึ่งข้าวประมาณ 15 นาทีแล้วกลับอีกด้านลงไปด้านล่างแล้วนึ่งต่ออีก 5 นาที
- หลังจากข้าวเหนียวสุกเรียบร้อยแล้วให้เทใส่กระด้ง ใช้ทัพพีพรมน้ำนิดหน่อยบนทัพพี เพื่อไม่ให้ข้าวเหนียวติดทัพพี แล้วทำการเกลี่ยข้าวเหนียวให้กระจายทั่วกระด้งเพื่อระบายความร้อนออกไป ใช้ทัพพีกลับด้านไปเรื่อยเพื่อระบายความจากนั้นพักไว้ให้ข้าวเหนียวเย็น
- เมื่อข้าวเหนียวเริ่มเย็นแล้วใช้ตะแกรงใส่ข้าวเหนียวนำไปล้างน้ำสะอาด อาจใช้วิธีการล้างผ่านก็อกน้ำเลยก็ได้ สังเกตุว่าข้าวเหนียวเริ่มหายเมือกน้อยลงและแยกออกจากกันเป็นเป็นอันใช้ได้ หลังจากล้างข้าวเหนียวทั้งหมดแล้วใส่ไว้บนกระด้งเช่นเดิมจนเริ่มสะเด็ดน้ำ
- ขั้นตอนต่อมาคือการนำลูกแป้งมาบดเป็นผงละเอียด จากนั้นนำไปคลุกกับข้าวเหนียวที่สะเด็ดน้ำแล้ว ลูกแป้งข้าวหมาก 1 ลูกสามารถใช้ผสมข้าวเหนียวได้ 2 กิโลกรัม คลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่วกระด้ง
- ขั้นตอนต่อไปเป็นการห่อด้วยใบตอง สามารถใช้ใบตองห่อคล้ายกับการทำห่อหมกอีสานเลย หรือที่เราซื้อตามท้องตลาดจะใส่ในถุงแกงพลาสติก รัดหนังยางก็ได้เช่นกัน แล้วแต่วัสดุที่หาได้ จากนั้นทิ้งไว้ที่อุณหภูมิธรรมดาประมาณ 2-3 วัน ( หากอากาศร้อนจัด อาจจะใช้เวลาแค่ 2 วันก็จะได้ที่แล้ว) การสังเกตว่าข้าวหมากพร้อมทานแล้วหรือยัง ให้สังเกตุข้าวหมากจะเริ่มมีน้ำใสๆไหลออกมาจากใบตอง นั่นหมายความว่าแป้งข้าวหมากเริ่มทำปฏิกิริยากับข้าวเหนียวแล้ว การหมักข้าวหมากเริ่มได้ที่แล้ว หากต้องการจะเก็บไว้ทานได้นานๆ หรือเป็นการเพิ่มรสชาติให้นำไปแช่เย็น จะเป็นการเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งยังยืดอายุข้าวหมากไว้ทานได้นานขึ้นด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำ ข้าวหมาก หวาน
- การเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมและคุณภาพดี
- การนึ่งข้าวนานเกินไปทำให้ข้าวเหนียวเละเกินไป เเละเมื่อล้างน้ำสะอาดแล้วจะทำให้ข้าวเหนียวเละจับกันเป็นก้อน
- ข้าวที่แช่น้ำไม่ได้ที่ยังไม่พองตัว พอนึ่งสุกแล้วจะสุกไม่ทั่วถึงกัน เมื่อนำมาทำข้าวหมากแล้วข้าวจะแข็งเป็นไตภายในเมล็ดข้าว
- การล้างข้าวต้องทำในขณะที่ข้าวอุ่นๆไม่ร้อนเกินไป เพราะจะทำให้การล้างนั้นไม่ถั่วถึงและทำให้ข้าวแฉะ
- การบดแป้งต้องให้ละเอียดเป็นฝุ่นผง อย่าคลุกแป้งกับข้าวเหนียวขณะที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ เกิดความชื้น และจะได้รสเปรี้ยวเนื่องจากเชื้อแบคทีเรีย
- ลูกแป้งจะต้องไม่เก่าเกินไป เพราะยีสต์ในลูกแป้งจะเป็นตัวกำหนดการหมักว่าจะต้องหมักนานแค่ไหน
ประโยชน์ของการทานข้าว หมาก หวาน
นอกจากรสชาติที่หวานเย็นสดชื่นแล้ว ยังมากมายอุดมไปด้วยสังกะสีช่วยบำรุงเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใส ช่วยบำบัดโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน เบาหวาน โรคกระเพาะ ภูมิแพ้ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีกรดอินทรีย์ช่วยในการขับถ่าย
การทานข้าวหมาก จึงมีประโยชน์ในเรื่องของการเป็นของหวาน ที่ให้ความหวานอร่อย เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายเท่านั้น โดยข้อควรระวังในการทาน ควรทานอย่างน้อยวันละ 1 ห่อ หรือ 1 ถ้วยเท่านั้น เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และควรทานข้าวหมากที่ทำขึ้นสด ๆ หรือ เก็บรักษาโดยการแช่เย็นมาแล้ว เพราะหากทานข้าวหมากที่เก็บไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานานอาจจะเกิดโทษได้เช่นกัน เนื่องจากข้าวหมากก็มีอายุในการเก็บเหมือนกัน โดยทั่วไปแล้วถ้าหมักได้ที่แล้วแนะนำให้เก็บในตู้เย็นเท่านั้นสำหรับใครที่อยากเก็บ แป้งข้าวหมาก หรือ บ่มข้าวหมาก ไว้ในถุงร้อน ถุงเย็น ต้องเก็บในบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันความชื้นและอากาศให้มิดชิด กันการสัมผัสอากาศโดยตรง เพราะอาจจะทำให้รสชาติข้าวหมากเปลี่ยนไปได้
อาหารแต่ละชนิดจะให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป ประโยชน์จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ บางอย่างทานแค่พอเหมาะพอดีถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าทานมากไปก็กลายเป็นโทษได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการเลือกทานอาหารที่ถูกต้องจะทำให้ไม่เกิดโทษ เช่นเดียวกับการทานข้าวหมากที่เหมาะสม ขั้นตอนการทำข้าวหมากนอกจากจะสะดวกแล้วยังไม่ต้องเตรียมวัสดุอุปกรณ์อะไรที่ซับซ้อนยุ่งยากเลย ไว้ไปลองทำแล้วมาแชร์กันนะครับ ว่าอร่อยแค่ไหนครับ