อีสานดินแดนที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ภาษา รวมไปจนถึงอาหารการกินต่างๆที่มีมากมายหลากหลายชนิดเช่นกัน ทั้งยังสามารถหาได้ตามธรรมชาติทั่วไปได้อีกด้วย หมากลิ้นฟ้า หมากลิ้นไม้ หรือ เพกา อาจเรียกได้หลายชื่อตามท้องที่ต่างๆ เป็นอีกชนิดหนึ่งที่เราสามารถนำมาประกอบอาหารได้เช่นกัน หมากลิ้นฟ้า เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เป็นไม้เนื้ออ่อน ปลูกง่าย โตเร็ว หมากลิ้นฟ้าหรือหมากลิ้นไม้ ชื่อที่คนอีสานใช้เรียกกัน เป็นไม้ผลัดใบมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของเอเชีย รวมทั้งอินเดีย ไทย และอินโดนีเซีย ในประเทศไทย ต้นไม้ชนิดนี้รู้จักกันในชื่อ “เพกา” เพกาถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์แผนโบราณมานานหลายศตวรรษ เปลือก ใบ ดอก และผลของต้นไม้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น อาการไอ เป็นไข้ และปัญหาทางเดินอาหาร ใครจะเลยจะรู้ว่าพืชชนิดนี้มีมากโยชน์มากมายเพียงใด แถมยังสามารนำมารังสรรเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น เผาทานกับน้ำพริก ส้มตำ รวมไปถึง ก้อยลิ้นฟ้า อาหารอีสาน รสเด็ดไม่แพ้กัน
หมากลิ้นฟ้าสามารถปลูกได้จากเมล็ดหรือการปักชำ เติบโตได้ดีที่สุดในภูมิอากาศเขตร้อนที่อบอุ่นอย่างในประเทศไทย หมากลิ้นฟ้าปลูกง่ายๆด้วยการใช้เมล็ดแช่น้ำไว้ 1 คืนเพื่อให้เมล็ดอ่อนตัว เพื่อเพิ่มอัตรการงอก จากนั้นนำเมล็ดที่แช่น้ำแล้วไปปลูกลงในถุงเพาะชำ โดยฝังเมล็ดลงไปประมาณ 1 เซนติเมตรแล้วกลบหน้าดิน รดแล้วพอชุ่ม อย่าให้น้ำเยอะจนเกินไป เพราะจะมีผลต่อการงอกของเมล็ด จากนั้นนำถุงเพาะชำไปวางไว้ในที่มีแสงสว่างเพียงพอ รดน้ำพอชุ่มวันละครั้งเมล็ดจะเริ่มงอก เมื่ออายุได้ 2-3 สัปดาห์ต้นกล้าจะเจริญเติบโต เมื่อต้นกล้าเจริญเติบโตจนมีใบจริง 2-3 คู่แล้ว เราก็สามารถย้ายไปปลูกได้แล้ว การเลือกแหล่งที่ปลูกจะต้องไม่มีน้ำท่วมขังและสามารถระบายน้ำได้ดี ใช้ปุ๋ยคอกผสมดินปลูกเพื่อให้ดินร่วนและเป็นแหล่งอาหารให้กับต้นลิ้นฟ้า หลังจากการปลูกจะต้องมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ส่วนการปักชำก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้วจะยากกว่าและอาจไม่ประสบความสำเร็จ
“หมากลิ้นฟ้าพืชสมุนไพรที่เป็นเอกลักษณ์ ที่เป็นได้มากกว่าอาหาร”
หมากลิ้นฟ้ามีการนำไปปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์โดยทำให้ต้นหมากลิ้นฟ้าเตี้ยลง เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บผลผลิต และด้วยรสชาติที่ขมอ่อนๆเป็นเอกลักษณ์และกลิ่นพิเศษเฉพาะตัว ทำให้พืชชนิดนี้ได้รับความนิยมสำหรับคนที่ชอบเท่านั้น แต่เชื่อว่าหากใครชอบทานอาหารอีสานต้องอยากลอง การทานนั้นสามารถทานสดเป็นผักเคียงได้เลย หรือเพื่อลดกลิ่นลงสามารถนำไปเผาไฟแล้วนำมาล้างน้ำแล้วหั่นทานได้เลย ส่วนใหญ่นิยมนำมาทานคู่กับน้ำพริก หรือส้มตำก็อร่อยไม่แพ้กัน
เชื่อหลายคนคงเคยรู้จักกับพืชชนิดนี้กันมาบ้างแล้ว ว่าแต่เราสามารถนำไปทำอาหารอะไรได้บ้างหละ? นอกจากการทานเป็นผักเคียงแล้วยังมีหลากหลายเมนูที่หมากลิ้นฟ้าสามารถทำได้ วันนี้ทีมงานอีสานเดลี่จึงอยากนำเสนอเมนูเกี่ยวกับ หมากลิ้นฟ้าที่เป็นส่วนประกอบหลัก นั่นก็คือ “ก้อยลิ้นฟ้า อาหารอีสาน รสเด็ด” ว่าแล้วเราก็ไปเตรียมวัตถุดิบกับก่อนเลย
วัตถุดิบที่ต้องเตรียมมีดังนี้
หมากลิ้นฟ้าอ่อน 1 ฝัก
ผงนัว 1 ช้อนชา
ข้าวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
ใบสาระแหน่ 3 ยอด
ผักชีฝรั่ง 1 ต้น
ผักชี 1 ต้น
ต้นหอม 2 ต้น
หอมแดง 5 หัว
ใบมะกรูด 3 ใบ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ทัพพี
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
เมื่อส่วนผสมต่างๆพร้อมแล้วก็เข้าสู่วิธีการทำ ก้อยลิ้นฟ้า อาหารอีสาน กันเลย
- ก่อนอื่นนำหมากลิ้นฟ้าไปย่างให้เกรียมด้านนอก จากนั้นนำไปล้างน้ำสะอาด ขูดเอาส่วนที่ไหม้ดำออกให้หมด แล้วหั่นพอดีคำ เตรียมไว้ ขั้นตอนนี้เป็นการลดกลิ่นของหมากลิ้นฟ้าให้มีกลิ่นฉุนน้อยลงไป
- ล้างผัก ( สาระแหน่ ผักชีฝรั่ง ใบมะกรูด หอมแดง ผักชี ต้นหอม ) หั่นเตรียมไว้ให้เรียบร้อย
- นำหมากลิ้นฟ้าที่หั่นเตรียมไว้แล้วในขั้นตอนแรกมาใส่ลงไปในหม้อคลุก เริ่มปรุงรสด้วย พริกป่น ข้าวคั่ว น้ำมะนาว ผงนัว น้ำปลาร้า คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสชาติให้ออกเค็มนิดหน่อยหากจืดไปสามารถเติมน้ำปลาได้
- จากนั้นเพิ่มความหอมด้วยผักที่เราหั่นเตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกที เท่านี้เมนูก้อยหมากลิ้นฟ้า ก็พร้อมเสริ์ฟแล้ว ตักใส่จานโรยสาระแหน่อีกนิดหน่อย เสริ์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆคู่กับผักเคียงอีกหน่อย รับรองว่าต้องเติมข้าวอีกจานแน่นอน
เป็นอีกหนึ่งเมนูที่รังสรรค์ขึ้นจากวิวัฒนาการ การปรับตัวของคนอีสานทำให้เกิดเมนูนี้ขึ้นมา หรือบางท้องที่อาจจะเพิ่มโปรตีนในเมนูนี้ด้วยการใส่หนังหมูหรือหมูสับลงไปด้วยก็ได้เพื่อเพิ่มความคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากจะทำได้อย่างง่ายแล้วเมนูนี้ยังอุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาอีกด้วยเช่น ช่วยเรื่องการระบาย แก้ปวดท้อง ขับลม บรรเทาอาการไอหรือมีเสมหะ เป็นต้น ว่าแล้วใครที่ชอบทานอาหารอีสานต้องไม่พลาดเมนูนี้นะครับ นอกจากการนำมาก้อยแล้วยังสามารถนำไปทำส้มตำหมากลิ้นฟ้าได้อีกด้วย ไว้โอกาสหน้าทีมงานอีสานเดลี่จะนำเสนอเมนูตำหมากลิ้นฟ้ามาฝากกันในโอกาสต่อๆไป แต่ตอนนี้ต้องขอตัวไปทานก้อยหมากลิ้นฟ้าแซบๆ ก่อนเด้อพี่น้องเอ้ย